เสก ควง กานต์ เปิดใจเรื่องยา-ผู้หญิง ในตีสิบ

เสก ควง กานต์ เปิดใจเรื่องยา-ผู้หญิง ในตีสิบ

เสก ควง กานต์ เปิดใจเรื่องยา-ผู้หญิง ในตีสิบ






เรียบบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Wiphakorn Sookpimay

             ดูเหมือนว่ามรสุมชีวิตเริ่มจะคลี่คลายแล้ว สำหรับเรื่องราวครอบครัวของ 'เสก โลโซ' หรือ เสกสรร ศุขพิมาย ที่มีภาพหลุด ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องผู้หญิง จนกลายเป็นกระแสฮอตข้ามปี ซึ่งหลังจากที่ เสก โลโซ เข้ารับการรักษาบำบัดยาเสพติด ตอนนี้อาการของเขาก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยวานนี้ (20 กุมภาพันธ์) เสก โลโซ ก็ได้ควงแขนอดีตภรรยา กานต์ วิภากร ศุขพิมาย เดินทางเข้าร่วมรายการ 'ตีสิบ' และทั้งสองคนได้เปิดใจหมดเปลือก แจงทุกข้อสงสัยให้ผู้ชมได้รับรู้ ทั้งเรื่องยาเสพติด ครอบครัว และผู้หญิง!!

             ทั้งนี้ วิทวัส  สุนทรวิเนตร์ ผู้ดำเนินรายการ ได้สอบถามอาการของเสก โลโซ โดยนักร้องหนุ่มเปิดเผยว่า สภาพร่างกายของตนในตอนนี้ดีขึ้นประมาณ 90% แล้ว เพราะไปบำบัดมา ส่วนที่เหลืออีก 10% นั้น คงเป็นความจำที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะยังจำชื่อคนไม่ค่อยได้ ส่วนสาเหตุของการติดยานั้น เริ่มจากเพื่อน จากการฟังเพลง แต่ตนก็รู้ว่า นักร้องที่เสพยานั้นต้องหมดอนาคต และจบชีวิตเพราะยาเสพติด

            เสก โลโซ ยังกล่าวอีกว่า ตอนที่ตนติดยามันเหมือนมีอะไรหลอนตนตลอด คิดว่ามีคนตาม ได้ยินเสียงอะไรก็คิดว่าโดนตามแล้ว ประกอบกับช่วงดังกล่าว บ้านตนโดนน้ำท่วม ตนก็เลยเครียด อย่างไรก็ตาม ตนต้องกราบขอโทษทางแกรมมี่ด้วย ที่ตนกล่าวหาว่าส่งคนมาตามตน หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมหลายอย่าง ตนยอมรับว่า ช่วงนั้นตนเมายา พอมีเรื่องอะไรตนก็โกรธไปหมด

          เมื่อพิธีกรถามถึงเรื่องผู้หญิงที่เป็นข่าวในตอนนั้น เสก โลโซ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนไปบำบัดทุกคนก็ทิ้งตนไปหมดแล้ว ตอนนี้ตนกลับมาอยู่บ้าน ส่วนที่ตนเคยบอกออกสื่อว่า ตนสามารถคอนโทรลตัวเองตอนเสพยาได้นั้น เป็นเรื่องที่ตนเข้าใจผิด จริง ๆ แล้วตนเชื่อมั่นมากเกินไป และตนก็ไม่คิดว่าตนจะติดยาหนักขนาดนั้น ตนจึงขอให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ทุกคนอย่างเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่าคิดว่าเอาอยู่ และอยากให้ทุกคน ลด ละ เลิก ให้ได้...

         สำหรับเรื่องเข้ารับการบำบัดนั้น หลายคนคิดว่า ตนโดนบังคับ จริง ๆ แล้ว ตนเต็มใจ เพราะตอนนั้นตนเริ่มรู้ว่า ตัวเองเอาไม่อยู่แล้ว เลยขอเข้าไปบำบัดรักษาที่ศูนย์ธัญญารักษ์ ตามที่อดีตภรรยา และแฟน ๆ ได้ขอร้อง ส่วนข่าวที่ว่าตนหนีออกจากโรงพยาบาลนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า วันนั้นตนเขียนใบอนุญาตกับทางโรงพยาบาล เพื่อไปหาลูก และอีกอย่างช่วงนั้นที่โรงพยาบาลปิดข่าวสารตนทุกอย่าง ตนไม่รู้เลยว่าความคืบหน้าข้างนอกเป็นอย่างไร เพียงแค่อยากจะไปหาลูกเท่านั้น สำหรับขั้นตอนการบำบัดนั้น ก็มีการรับยา การคุยกับนักกจิตวิทยา และเข้าบำบัดกลุ่ม อีกทั้งยังไดด้นอนพักผ่อนเต็มที่ และมีการออกกำลังกาย ตนก็ได้ทำตามทุกอย่าง และอาการเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ

        พิธีกรยังได้สอบถามถึงภาพต้นเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร เสก โลโซ กล่าวว่า ตนขอยอมรับผิดเอง ตนกับกานต์แยกกันอยู่ และหย่าขาดจากกันแล้ว พอตนมีผู้หญิงเข้ามาใหม่ บวกกับยังทะเลาะกับกานต์ อีกทั้งยังโพสต์รูปผู้หญิงคนนั้นขึ้นเฟซบุ๊ก พอกานต์เห็นก็โกรธ แล้วก็อัพภาพที่ตนเสพยาขึ้นเฟซบุ๊กเลย

         ส่วนทางด้าน 'กานต์' กล่าวว่า ตอนที่มีข่าวตนยอมรับว่า โมโหเสกมาก ๆ เพราะพอเป็นข่าวแล้ว เขากลับไม่ชี้แจงต่อสื่อ กลับโพสต์รูปผู้หญิง แล้วก็ทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี ที่เรื่องนั้นส่งผลให้เขายอมรับการบำบัด

        นอกจากนี้ พิธีกรยังถามว่า ยังรักเสกอยู่หรือไม่ กานต์ ตอบว่า ตนยังรักเสกอยู่เหมือนเดิม และก็อยากให้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเมื่อก่อนอีก

        พิธีกรถามต่อว่า เมื่อมีเรื่องผู้หญิงเข้ามามากมายขนาดนี้ลูก ๆ มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง เสก โลโซ กล่าวว่า ปกติลูกของตนเป็นคนเงียบ ๆ เขาก็มีโลกส่วนตัวของเขา ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากเท่าไร สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนต้องยอมรับว่า ครอบครัวของตนบอบช้ำ และต้องใช้อย่างมากเพื่อเยียวยา ถึงแม้ลูกของตนจะไม่แสดงออกอะไร แต่ตนเชื่อว่า ตอนนี้ลูก ๆ มีปมอยู่ในใจแน่นอน

       เสก โลโซ กล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่าตนเป็นตนเหตุทุกอย่าง เมื่อก่อนที่ตนยังไม่เสพยา ตนพาครอบครัวไปเที่ยวมากกว่า 20 ประเทศ เราไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ไปทัวร์คอนเสิร์ตลูก ๆ ก็รออยู่หลังเวที เราผ่านอะไรด้วยกันมามาก ตนคิดว่าลูก ๆ คงเข้าใจ และให้อภัยตน และอีกไม่นานตนจะกลับมาเป็นพ่อที่ดีของลูกเหมือนเดิม ...

       เสก โลโซ ยังเล่าต่อว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ตนนึกขึ้นมาทีไรแล้วจะร้องไห้ทุกที วันนั้นตนกับเสือ (ลูกชายคนโต) ขี่จักรยานเล่นกันรอบ ๆ บ้าน จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาว่า ตนรักเขาหรือเปล่า คือแววตาของลูกในตอนนั้นดูเหมือนสงสัย และไม่แน่ใจในความรักของตน ซึ่งตนก็ตอบลูกไปว่า 'ไม่มีสักวินาทีที่พ่อไม่รักเสือ' ตอนนั้นตนรู้สึกว่า มันเหมือนมีเชือกเส้นบาง ๆ กัันความรู้สึกของตนกับเสืออยู่ แต่ ณ วันนี้ ตนจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ เพราะหัวใจตนได้รับกำลังใจจากครอบครัว และตนก็ขอเป็นกำลังใจทุกคน ที่เดินเส้นทางผิดพลาดไปจนต้องไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มาเข้ารับบำบัด แล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่เหมือนตน ....

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


krapong_pang

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ