เบื้องหลังพฤติกรรม
พฤติกรรมมนุษย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ
และมีการศึกษาค้นคว้ากันมาอย่างต่อเนื่องโดยนักวิทยาศาสตร์ นักจิตวิทยา มนุษยวิทยา
นักศาสนา
พฤติกรรมหมายถึงอะไร ทั่วๆ
ไปคือลักษณะที่แสดงออก และเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เขาอยู่ พฤติกรรมมีทั้งที่ทำเป็นประจำที่เรียกว่านิสัย
และไม่ประจำ ไม่ได้ทำซ้ำๆ กันจนติดเป็นนิสัย
พฤติกรรมมีความสำคัญต่อตัวเองและผู้อื่น
มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จและความล้มเหลวของแต่ละคน
ยิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมยังเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เช่น
ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรง เห็นแก่ตัว หยาบคาย ส่อไปในทางทุจริต
น่าสงสัยและไม่น่าไว้ใจ ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้นำความเสียหายมาสู่ตนเองและผู้อื่น
ในทางตรงกันข้ามถ้าพฤติกรรมแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ อ่อนสุภาพ ถ่อมตน น่าไว้วางใจ
เคารพกฏเกณฑ์ มีวินัย ฯลฯ พฤติกรรมดังกล่าวจะนำความสุขและความสำเร็จให้ทั้งตนเองและผู้อื่นด้วย
บทสรุปสำคัญที่ได้มาจากการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์พอสรุปได้ว่า
พฤติกรรมของเรามาจากอิทธิพล 3 แหล่งด้วยกันคือ
1. ทางพันธุกรรม
ลักษณะนิสัยถ่ายทอดผ่านทางท่ายีนส์ ฉะนั้นเราไม่มีทางเลือกอย่างอื่น
2. ทางครอบครัว
ลักษณะนิสัยถ่ายทอดโดยคำสอน แบบอย่างของพ่อแม่
3. ทางสภาพแวดล้อม
อิทธิพลกระแสของสังคมมีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมแต่ละคน
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า
ทฤษฎีดังกล่าวมีความจริงอยู่บ้างแต่เป็นทฤษฎีให้ความสำคัญกับ อิทธิพลภายนอก และ
ทฤษฎีการยอมต่อความอ่อนแอภายใน มนุษย์ทุกคนจะต้องตระหนักว่า เขามีตัวตน มีนโนธรรม
มีความสามารถวิเคราะห์ใคร่ครวญ ที่สำคัญเขามีทั้งสิทธิเสรีภาพในการเลือก
ชีวิตมนุษย์ไม่จำเป็นต้องไหลไปตามกระแสสังคมหรือสัญชาติญาณ แต่เราเลือกได้
มนุษย์สามารถมีพฤติกรรมตามที่ตนเลือกไม่ใช่ตามที่อิทธิพลภายนอกหรืออารมณ์เลือกให้
มนุษย์ต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของตนเองและผลที่จะตามมาทั้งโลกนี้และโลกหน้า
วันนี้คุณเลือกได้ว่าจะรักหรือเกลียด
จะดีหรือร้าย จะให้หรือขโมย จะพูดจริงหรือพูดเท็จ
จะเลือกเป็นคนมุทะลุหรือเป็นคนมีคัมภีรภาพ
ถ้าจะให้พฤติกรรมที่ดีงามติดตามเราตลอดชีวิต เราจะต้องเรียนรู้การยำเกรงพระเจ้า
รักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านด้วยสิ้นสุดจิตสุดใจและสุดกำลังความคิด
ชีวิตเป็นของคุณ
คุณรับผิดชอบต่อผลแห่งพฤติกรรม จงเลือกแต่พฤติกรรมที่ดี ถ้าขาดกำลังและปัญญา
พระเจ้าพระบิดาของเราพร้อมจะช่วยเสมอ