เอาแน่...เอาอยู่ ปรับ ครม.
สุปัน รักเชื้อ
การปรับโดยใช้ “เงื่อนเวลา” รัฐบาลบริหารงานมาครบ 6 เดือน ดูเหมือนจะลงตัวอย่างยิ่ง และเป็นการลงตัวที่สามารถจะนำมาเป็นข้ออ้างในการปรับได้ ผู้คนในสังคมไทยคงไม่ลืมว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ๑ นั้น “รัฐมนตรีว่าการ และ รัฐมนตรีช่วย บางคน บางกระทรวงนั้น สุดจะเหลือรับ” และยิ่งไปกว่านั้น การทำงานรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ๑ 'ทั้งก่อน' และหลัง “วิกฤตน้ำท่วม” คือ เละ และ เละ ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องปรับ ครม. อย่างเร่งด่วน ผนวกกับเกมการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย รวมไปจนถึงพรรคร่วมรัฐบาล ที่เหล่าบรรดานักการเมืองแถว ๒ และ แถว ๓ ทั้งหลาย ต่างขยับหนัก เพื่อส่งสัญญาณในการปรับ ครม. เพื่อตัวเขาเองจะได้มีโอกาส เพราะถ้าลากยาวออกไป เพื่อรอนักการเมือง บ้านเลขที่ ๑๑๑ พ้นผลบ่วงกรรมทางการเมืองออกมา รับรองได้ว่า พวกเขาหมดสิทธิ์ได้นั่งในตำแหน่ง รมต. แน่
นอกจากนี้ สัญญาณบางอย่างจากกรณีที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ๑ ล้มเหลวในการบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วม รวมถึง ภารกิจร้อนอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลเร่งลุยทำ ไม่ว่าจะเป็น แก้รัฐธรรมนูญ , นิรโทษกรรม พ.ร.ก.การเงิน 4 ฉบับ , การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ นับเป็นสายล่อฟ้าที่จะทำให้ฟ้าผ่าลงมาที่รัฐบาลยิ่งลักษ์ ๑ ได้
จากเดิมที่มีข่าวว่า จะมีการปรับเพียงเล็กน้อย แต่ล่าสุดกลับมีกระแสข่าวว่า ปรับใหญ่นับ 10 ตำแหน่ง และรายชื่อของรัฐมนตรีที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในแต่ละกระทรวงนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ เลขาธิการรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปตั้งแต่ เมื่อวันที่ ๑๖ ม.ค. ที่ผ่านมา และการปรับใหญ่ครั้งนี้ ก็เป็นการปรับใหญ่ในกระทรวงที่สำคัญ ๆ เช่น กระทรวงคมนาคม ก็มีข่าวว่า เจ้ากระทรวงคือ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต ที่มีปัญหาเกาเหลากับ รมช. ร่วมกระทรวง จะถูกโยกไปนั่งที่ กระทรวงกลาโหม แทน พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เจ้ากระทรวงคนเดิม แต่ด้วยคุณสมบัติที่ประสานได้ ๑๐ ทิศ ทั้งทหารและนักธุรกิจ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะขยับขึ้นไปเป็น รองนายกฯ แทน พล.ต.อ โกวิท วัฒนะ ที่จะต้องถูกปรับออกไป เพราะที่ผ่านมา ผลงานไม่เข้าตานายใหญ่ที่ต่างแดน สำหรับ เจ้ากระทรวงคมนาคมคนใหม่ น่าจะเป็น นายจารุพงศ์ เรื่องสุวรรณ เลขาธิการของพรรคเพื่อไทยนั้นเอง
ส่วนที่ กระทรวงศึกษาธิการ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล จะถูกขยับออกไปนั่งเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเสียบแทนที่ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ ที่จะต้องหลุดจากตำแหน่ง เพราะรายนี้มีการทำงานที่เงียบและเงียบมาก เงียบจนประชาชนไม่รู้ว่ามี รมต. ชื่อนี้ อยู่ใน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ๑ และ รมว.ศึกษาธิการนั้น ก็คงจะเป็น นายภาวิช ทองโรจน์ หรือ ไม่ก็ นายสุชาติ ธาดา ธำรงเวช
มาถึงกระทรวงการคลัง จากปมความขัดแย้งในแนวทางนโยบาย ทั้งเรื่องโอนหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย และการกู้เงิน 4 แสนล้านบาท ทำให้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ดูจะไม่ตอบสนองแนวนโยบาย ก็มีข่าวว่า จะถูกปรับออก โดยคนที่จะมาแทนก็คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งจะยกตำแหน่ง รมว.พานิชย์ ให้ นายยรรยง พวงราช ที่จะขยับขึ้นมาจาก ปลัดกระทรวงพานิชย์ และตัวของ นายกิติรัตน์ นั้น จะนั่งควบ รองนายกฯ และ รมว.คลัง
ด้าน กระทรวงพลังงาน ที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นั่งดูแลอยู่นั้น เห็นที่จะต้องถูกเสียบแทน โดย นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยคม (ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาให้ข่าวว่า มีคนติดต่อทาบทามจริงและตอบรับการทาบทามไปเรียบร้อยแล้ว) ในส่วนของ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯนั้น ก็จะมี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตประธานบริหาร บริษัท ไอทีวี เข้ามานั่งแทน น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ที่จะต้องย้ายไปนั่งในตำแหน่ง รมช. สาธารณสุข แทน นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ที่ต้องถูกปรับออก
มาถึง รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่น่าจะต้องถูกปรับเปลี่ยนออก อย่าง กระทรวงอุตสาหกรรม น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เจ้ากระทรวง ที่มีข่าวออกมา กำลังมีปัญหาสุขภาพ ก็น่าจะถูกปรับออก และให้ นายชาติชาย พุคยาภรณ์ ที่อดีตเคยเป็น รมช.เกษตรฯ มานั่งตำแหน่งแทน
ส่วนตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ของ นายธีระ วงศ์สมุทร ตาม โควตาพรรคชาติไทยพัฒนา ยังคงเดิม ทั้งที่ถูก เพื่อไทย ไล่บี้ขอคืนมาบริหารเองอย่างหนัก แต่ด้วยสัมพันธ์ ระหว่าง “นายบรรหาร ศิลปอาชา” และ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ยังคงดี ทำให้เก้าอี้ตัวนี้ยังไม่เปลี่ยนเจ้าของ แต่ตำแหน่ง รมช.กระทรวง นี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแน่ โดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะมานั่งแทน นายพรศักดิ์ เจริญประเสิรฐ ที่จะต้องะถูกปรับออกไป
แม้ว่า กระแสการปรับ ครม.ของยิ่งลักษณ์ ๑ มาสู่ ยิ่งลักษณ์ ๒ จะเต็มไปด้วยข้อกังขา ว่า “ปรับแน่” หรือ หรือ “เป็นเพียงแค่สร้างกระแสข่าวหลอก เพื่อหลบกระแสของการบริหารงานที่มีแต่ปัญหา” แต่ประชาชนคนในสังคมไทย ก็ยังหวังว่า การปรับ ครม. ครั้งนี้ “มันน่าจะมีความหวัง” อยู่บ้าง แม้ว่ามันจะเป็นความหวังของการ “ต่างตอบแทน” ของกันและกัน ในทางการเมืองและบุญคุณ
